หน้าเว็บ



วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

7. ล้างรถ

          พาหนะคันย่อมที่ช่วยพาเราไปไหนต่อไหนอย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าใช้งานสมบุกสมบันไปหน่อย เจ้ารถคันเก่งก็ฝุ่นเขรอะขมุกขมัวได้ จึงต้องอาบน้ำให้มันสักหน่อย การล้างรถสักครึ่งชั่วโมงต้องการพลังงานอย่างน้อย 150 แคลอรี่ และจะยิ่งมากกว่านี้หากคุณอยากจะเสริมหล่อด้วยการขัดแว็กซ์ให้มันปลาบไปทั้งคัน

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

 6. ตัดหญ้า

          สำหรับบ้านที่มีบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อคราวที่หญ้าเริ่มงอกยาวจนดูรกตาก็ได้เวลามาออกกำลังกายกันสักยก การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าที่คุณต้องออกแรงผลักและเข็นให้มันไปตัดหญ้าในพื้นที่ที่ต้องการสักครึ่งชั่วโมงก็ช่วยเผาผลาญพลังงานไปได้แล้วอย่างน้อย 135 แคลอรี่ และอาจพุ่งขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยหากเครื่องตัดหญ้านั้นค่อนข้างหนัก หรือต้องกำจัดวัชพืชในพื้นที่ ๆ เข้าถึงยาก อย่าซอกเล็ก ๆ หรือพื้นที่ขรุขระ

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

5. จัดเตียง

          เตียงนอนผ้ามีผ้าปูตึงเปรี๊ยะ หมอนนุ่ม ๆ ฟู ๆ วางพร้อม ช่างเรียกร้องให้โถมกายลงไปนอนเสียจริง ๆ และวิธีการจัดเตรียมเตียงนอนให้น่านอนก็เป็นการออกกำลังกายได้ด้วย การที่คุณดึงผ้าปูเตียงทุกมุมให้ตึง พับผ้าห่ม ตบหมอน วางจัดเรียงให้พร้อม ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานไปได้คราวละ 70 แคลอรี่ในทุก ๆ วัน

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

 4. เช็ดหน้าต่าง/เช็ดกระจก

          หน้าต่างเป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่บ้านไหน ๆ ก็ต้องมี บางบ้านที่เป็นหน้าต่างโปร่ง ๆ อันเป็นทางผ่านของลมยิ่งต้องเช็ดให้สะอาด ลมจะได้ไม่หอบฝุ่นที่จับตัวอยู่เข้ามาในบ้าน ส่วนบ้านไหนเป็นหน้าต่างกระจกก็ต้องเช็ดขัดถูให้สะอาดใสเพื่อความสวยงาม ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงที่คุณเช็ดหน้าต่างนี้สามารถเบิร์นพลังงานได้ 150 แคลอรี่ ยิ่งในกรณีที่ต้องมีการปีนป่ายหรือต่อเก้าอี้เพื่อเช็ด ก็จะยิ่งต้องการพลังงานมากขึ้น และหากบ้านใครหลังใหญ่ ๆ มีหน้าต่างเยอะ ๆ ล่ะ ก็คุณคงต้องใช้เวลามากเกินครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดมันแน่นอน

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

 3. ซักผ้า

          แม้การซักผ้าเดี๋ยวนี้จะเปลี่ยนรูปแบบจากการซักมือไปเป็นซักด้วยเครื่องซักผ้าที่แสนสะดวกสบาย แต่อย่างน้อยขั้นตอนในการแยกเสื้อผ้า กลับผ้าก่อนซัก รวมถึงการคลี่สะบัดและตากผ้า ก็ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้สัก 75-100 แคลอรี่แล้วล่ะ

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

2. ล้างจาน

          งานเก็บกวาดจานชามมาล้างให้สะอาดช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน แม้จะไม่มีการขยับเคลื่อนไหวของร่างกายมากมายนัก แต่อย่างน้อยมันก็ใช้พลังงานราว 63 แคลอรี่ต่อครึ่งชั่วโมง และอาจเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัวเป็น 126 แคลอรี่ หากคุณหยิบจานที่สกปรกมาก ๆ มาล้างซ้ำอีกครั้ง หรือต้องออกแรงในการล้างมากกว่าปกติ อย่างการล้างกระทะหรือขัดหม้อค่ะ

7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

 1. กวาดบ้าน/ถูบ้าน

          การกวาดและถูบ้านรวมถึงการดูดฝุ่น (สำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านสมัยใหม่) เป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง หากคุณใช้เวลาดูดฝุ่นหรือกวาดทุกซอกทุกมุมในบ้านสักครึ่งชั่วโมง คุณสามารถเบิร์นพลังงานได้ราว 376-752 แคลอรี่เลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว น้ำหนักของเครื่องดูดฝุ่น และการออกแรงของคุณ หลังจากกวาดกำจัดฝุ่นผงเสร็จไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการถูพื้น ยิ่งถ้าคุณถูด้วยมือโดยการคุกเข่าลงไปถู แม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปสักนิดแต่วิธีนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีเชียวค่ะ โดยการถูบ้านครึ่งชั่วโมงจะใช้พลังงานราว 111-222 แคลอรี่เลยทีเดียว

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

โรคหอบหืดและภูมิแพ้

แทนที่จะกินยาเป็นประจำ  ลองใช้เครื่องกรองอากาศ

          ยารักษาโรคภูมิแพ้หรือหอบหืดส่วนใหญ่ออกฤทธิ์โดยการปรับเปลี่ยนกระบวนการตอบ สนองของร่างกายต่อสารระคายเคือง แต่เราอยากแนะนำให้คุณจัดการที่ต้นเหตุ นั่นคือคบคุมสารระคายเคืองโดยตรง 

          เทด ไมแอตต์ นักวิทยาศาสตร์อาวุโส กล่าวว่า การติดแผ่นกรองอากาศทั้งบ้านหรือใช้เครื่องฟอกอากาศ จะช่วยลดสาระระคายเคือง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการไอและหอบหืดได้ชัดเจน การศึกษาของเขาเมื่อปี 2551 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Health ระบุว่า แผ่นกรองอากาศชนิดติดตั้งในระบบปรับอากาศช่วยลดสารระคายเคืองจากขนแมวได้ ร้อยละ 55 ลดสปอร์-เชื้อราได้ร้อยละ 75 ลองปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องกรองอากาศนะ ครับ หากต้องการลดการใช้ยา

          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : การติดตั้งแผ่นกรองอากาศให้กับระบบปรับอากาศทั้งบ้านมีค่าใช้จ่ายค่อนข้าง สูง ประมาณ 27,000 ถึง 36,000 บาท คุณอาจลองซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีไส้กรองเฮปา (Hepa) มาวางในห้องนอนของคุณ ซึ่งเป็นห้องที่คุณใช้เวลาอยู่นานที่สุด สนนราคาโดยเฉลี่ยไม่เกิน 4,000 บาท แต่ประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานในห้องเดียว

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

ท้องผูก
แทนที่จะกินยาระบาย  ลองหันมาพึ่งน้ำ

          โดยปกติแล้วลำไส้ใหญ่จะทำหน้าที่บีบตัวเพื่อขับอุจจาระให้เคลื่อนออกจากร่างกาย แต่ในบางครั้งลำไส้ใหญ่อาจเคลื่อนตัวช้าลง หรือดูดซับของเหลวมากเกินไป (เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น กินอาหารประเภทกากใยน้อยเกินไป ไม่ค่อยออกกำลังกาย ร่างกายขาดน้ำ หรือเกิดจากยาบางชนิด) ทำให้อุจจาระคั่งค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่นานเกินไปจนกระทั่งแห้งและแข้ง ภาวะนี้เรียกว่าท้องผูก มีข้อมูลชี้ว่าการใช้ยาระบายติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้ร่างกายเคยชินจนเกิดภาวะดื้อยา และต้องเพิ่มปริมาณยาสูงขึ้น (ยาระบายบางชนิดออกฤทธิ์ด้วยการทำให้ลำไส้เล็กบีบเกร็งเพื่อช่วยขับอุจจาระ)

          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : ด้วยการดื่มน้ำสองแก้วเต็มก่อนอาหารเช้า เพื่อเพิ่มน้ำในลำไส้ใหญ่ ทำให้อุจจาระพองตัวและขับถ่ายออกได้ง่าย การกินกล้วยหรือแอปเปิ้ล ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้เช่นกัน "กากใยจากผลไม้เหล่านี้ทำให้อุจจาระพองตัวและกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวเป็น จังหวะได้ดี" นพ.อะบรามสันกล่าว "ยาระบายหลายชนิดมีฤทธิ์ระคายเคืองลำไส้ คุณสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ได้ด้วยการกินผลไม้แทนครับ"

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

นอนไม่หลับ

แทนที่จะกินยานอนหลับ  ลองนอนดึกบ้างในบางคืน

          หากคุณมีปัญหานอนไม่หลับที่แก้ไม่ตก ไม่จำเป็นต้องฝืนอีกต่อไปครับ ดร.ลี ริทเทอร์แบนด์ รองศาสตราจารย์ จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย กล่าวว่า หากนอนไม่หลับจริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องทนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ให้หาอะไรทำตามใจชอบ และเลื่อนเวลาเข้านอนออกไปอีก การนอนดึกขึ้นอีกเล็กน้อยจะช่วยให้คุณหลับสนิทขึ้น และลดการใช้ยานอนหลับ

          วิธีนี้ยอมดีกว่าการกินยา เนื่องจากยานอนหลับ อย่างเช่น แอมเบียน ไม่สามารถใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน นพ.คริสโตเฟอร์ วินเทอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของศูนย์เวชศาสตร์การนอนหลับมาร์ธาเจฟเฟอร์สัน กล่าวว่า "ยานอนหลับจะมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทั้งนี้เพราะร่างกายจะปรับตัวจนเคยชินกับยา"

          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : หากคุณเข้านอนเป็นประจำเวลา 4 ทุ่ม แต่นอนไม่หลับจนต้องพลิกไปมาถึงตี 1 ให้ลองเปลี่ยนเป็นเริ่มนอนเวลาตี 1 และตื่นเช้าในเวลาเดิม หมอริทเทอร์แบนด์บอกว่า "ดูเหมือนว่าวิธีนี้อาจทำให้คุณมีเวลานอนลดน้อยลง แต่มันจะทำให้คุณหลับง่าย และสนิทขึ้นในคืนถดไป" หลังจากใช้วิธีนี้ประมาณสองหรือสามสัปดาห์ ลองเลื่อนเวลาเข้านอนให้เร็วขึ้นครั้งละ 20 นาที แล้วสังเกตความเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ เพื่อปรับเวลานอนให้กลับมาเป็นเช่นเดิม

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

ซึมเศร้าระดับเล็กน้อย

แทนที่จะกินยาต้านซึมเศร้า  ลองใช้วิธีฝึกฝนสมอง

          วิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าคือหลีกเลี่ยงความคิดเชิงลบ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการบำบัดกระบวนการคิดโดยใช้สติ เทคนิคนี้คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงแค่พยายามตั้งสติควบคุมและรับรู้ปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อความ คิดหรือารมณ์ พยายามมองสถานการณ์ด้วยมุมมองของคนภายนอก และไม่ปล่อยให้สถานการณ์มาควบคุมจิตใจของตน 

          ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดระบุว่า การบำบัดกระบวนความคิดโดยใช้สติมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายาด้านซึมเศร้าในด้าน ป้องกันโรคกำเริบซ้ำ และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ดีกว่าการกินยา ดร.วิลเลม คายเกน จากศูนย์โรคอารมณ์แปรปรวนที่มหาวิทยาลัยเอกเซเตอร์ กล่าวว่า "ผู้ป่วยที่เลิกใช้ยาส่วนใหญ่มีสาเหตุจากผลข้างเคียง จึงเสี่ยงต่อการกำเริบซ้ำ ขณะที่การบำบัดกระบวนความคิดเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดทักษะในการดูแลตนเอง"
          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : ลองบำบัดกระบวนความคิดโดยใช้สติ เช่น "การกำหนดลมหายใจภายใน 3 นาที" เป็นวิธีที่ดีสำหรับหยุดยั้งความคิดด้านลบที่วนเวียนอยู่ในหัว วิธีปฏิบัติให้เริ่มด้วยกันตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของร่างกายที่เกิดขึ้น อยู่ในขณะนี้ จากนั้นพยายามเบนความสนใจให้เพ่งอยู่กับลมหายใจ ณ ปัจจุบัน ในที่สุดสติและความคิดทั้งหมดของคุณจะกลับมาจอจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

ปวดศีรษะเป็นประจำ

แทนที่จะใช้ยาแก้ปวด  ลองกินยาน้อยลง และนอนหลับมากขึ้น

          คุณอาจไม่เชื่อว่าการกินยาแก้ปวดจะไปกระตุ้นให้ปวดศีรษะมากขึ้น ยาแก้ปวดบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการ เช่นนี้ นพ.ปีเตอร์ โกดส์บาย ผู้อำนวยการศูนย์โรคปวดศีรษะของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า "ภาวะปวดศีรษะจากการใช้ยาเกินขนาด มักพบในผู้ป่วยโรคปวดศีรษะเรื้อรังซึ่งกินยาแก้ปวดติดต่อกันเกิน 15 วัน หรือนานนับเดือน" แพทย์ยังไม่เข้าใจว่าภาวะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่พบว่าจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นในรายที่กินยาแก้ปวดชนิดที่ประกอบด้วยยาหลาย ประเภท เช่น เอกซ์ซิดริน (ประกอบด้วยแอสไพริน พาราเซตามอล และดาเฟอีน) หรือไทลีนอลผสมโคเคอีน

          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : หมอโกดส์บายแนะนำให้หลีกเลี่ยงยาที่ประกอบด้วยตัวยาหลายประเภท รวมทั้งพยายามใช้ยาแก้ปวดให้น้อยที่สุด แต่ไม่ควรทนปวดนานเกินหนึ่งสัปดาห์ ขั้นต่อมาคือการรักษาอาการปวดด้วยการนอนหลับ คุณหมอเพิ่มเติมว่า สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดศีรษะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ วิธีปฏิบัติคือฝึกนอนหลับตามเวลาที่กำหนดไว้ วิธีนี้จะช่วยให้อาการปวดศีรษะของคุณค่อย ๆ บรรเทาลงได้

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

 ปวดหลัง
แทนที่จะใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือพาราเซตามอล  ลองฝึกโยคะ

          คุณทำอะไรเป็นอย่างแรกครับเวลาเริ่มมีอาการปวดหลัง หลายคนยืดเหยียดและบิดตัวโดยสัญชาตญาณเพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าหลังตึง การศึกษาฉบับหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ใน Annals of Internal Medicine ระบุว่า การฝึกโยคะ เพื่อการบำบัด เช่น วินิโยคะ ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังเรื้อรังได้ดี บางคนสามารถลดหรือเลิกใช้ยาแก้ปวดได้ แถมยังช่วยป้องกันโรคตับหรือภาวะระคายเคืองทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาด้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโปรเฟน หรือแอสไพริน) หรือพาราเซตามอล เป็นเวลานาน อาการปวดหลังเรื้อรัง อาจเกิดขึ้นนานเกินสามเดือน นับตังแต่เริ่มมีอาการปวดเฉียบพลัน ผู้ป่วยจึงมีโอกาสที่จะต้องกินยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน

          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : อาสาสมัครในการศึกษาได้ฝึกโยคะนาน 75 นาที สัปดาห์ละครั้ง โดยฝึกท่างูเห่า ท่ากงล้อ ท่าสะพานโค้ง ท่าผีเสื้อ และท่านักรบ เป็นหลัก ดร.คาเรน เชอร์แมน นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยสุขภาพในซีแอตเทิล กล่าวว่า ท่าโยคะ เหล่านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแล้ว ยังช่วยให้คุณเพิ่มความระมัดระวังในการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งเป็นการป้องกันมีให้เสี่ยงต่ออาการปวดหลังซ้ำอีกครั้ง

8 เคล็ดลับเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น (Men’s Health)

ไอ

แทนที่จะใช้ยาน้ำแก้ไอ  ลองกินน้ำผึ้ง

          ลองนึกดูสิว่าน้ำผึ้งแท้ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเคลื่อนตัวจากก้นขวด ไหลผ่านหัวบีบลงบนขนมปังในมือของคุณ คุณสามารถใช้เวลาระหว่างนี้เช็คอีเมลหรือเล่นเฟซบุ๊กได้ด้วยซ้ำ คุณสมบัติด้านความข้นและหนืดเช่นนี้เอง ทำให้น้ำผึ้งเหมาะที่สุดสำหรับใช้แทนยาน้ำแก้ไอ ทั้งสองอย่างมีคุณสมบัติเดียวกันคือ เคลือบผิวเยื่อบุลำคอและบรรเทาอาการระคายเคือง 

          การศึกษาล่าสุดในวารสาร Archives of Pediatrics & Adolescent Medicine พบว่า น้ำผึ้งหนึ่งช้อนชามีสรรพคุณดีกว่ายาแก้ไอเดกซ์โตรเมโทรฟาน ซึ่งเป็นตัวยาสำคัญในยาไอโรบิทัสซินดีเอ็ม และยาน้ำแก้ไอสำหรับเด็กชนิดอื่น นพ.เอียน พอล กุมารแพทย์และรองศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ชุมชนของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียส เตท กล่าวว่า น้ำผึ้งใช้ได้ผลดีกับผู้ใหญ่เช่นกัน ข้อดีที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ ไม่มีผลข้างเคียงเรื่องมึนงงเหมือนกับยาเดกซ์โตรเมโทรฟาน

          วิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา : ลองใช้น้ำผึ้งจากบัควีท ซึ่งมีสีเข้มกว่าและมีสารด้านอนุมูลอิสระมากกว่าชนิดใส (นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารด้านอนุมูลอิสระมีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจและ มะเร็ง) จิบครั้งละสองช้อนชา เมื่อต้องการระงับอาการไอ เช่น ก่อนนอนหรือก่อนเข้าห้องประชุม ไม่จำเป็นต้องระงับอาการไอจนหยุดสนิท การไอชนิดนี้มีเสมหะช่วงกลางวัน จึงมีประโยชน์ในการขับเสมหะออกจากปอด

ลดหน้าบวมในตอนเช้าด้วยแตงกวา (woman plus)

 ต่อไปนี้สาว ๆ คนใดที่ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่บวมเป่ง คล้ายลูกซาลาเปา ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะวันนี้เรามีวิธีแก้ปัญหาใบหน้าบวมในยามตื่นนอนมาฝากกันค่ะ

          ปัญหาใบหน้าบวมยามตื่นนอนนั้น เป็นผลมาจากการทำงานของต่อมน้ำเหลืองที่ยังไม่ตื่นตัวพร้อมทำหน้าที่ ดังนั้นเราต้องช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองโดยการขยิบตาประมาณ 20 ครั้ง หรืออาจนำแตงกวาที่แช่เย็น มาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาวางไว้บนใบหน้าและดวงตา ทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที ใบหน้าและตาของคุณก็จะหายบวม กลับมาสดชื่นสดใสรับเช้าวันใหม่กันอีกครั้ง

          นอกจากนี้คุณอาจแก้ปัญหาหน้าบวมได้ด้วย วิธีการนวดระหว่างล้างหน้า โดยให้ใช้ปลายนิ้วนวดใบหน้าเป็นวงกลมเบา ๆ ไล่ตั้งแต่ปลายคาง แก้ม และหน้าผาก แล้วขั้นตอนสุดท้ายให้ใช้นิ้วนางนวดรอบ ๆ ดวงตาของคุณ หากทำเป็นประจำทุก ๆ เช้า คุณก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับหน้าบวมอีกต่อไป